Web-Based Instruction'Strategy: Activity Model

                      การจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพประสบความสำเร็จได้นั้น กิจกรรมนับเป็นปัจจัยที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง หากขาดซึ่งกิจกรรมแล้ว การเรียนการสอนนั้นก็จะแห้งแล้งน่าเบื่อหน่าย(ในที่สุด) จนกระทั้งผู้เรียนหมดความสนใจในการเรียน เมื่อกล่าวถึงการจัดกิจกรรมที่เป็นการเรียนการสอนในห้องเรียนหลายท่านมักจะกล่าวว่าทำได้ไม่อยาก แต่หากเป็นการจัดกิจกรรมใน Cyber Classroom หรือ อาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Virtual Classroom โดยใช้ Web - Based Instruction เป็นเครื่องมือ (Tool ) นั้น ไม่สามารถจัดได้เลย เนื่องจากผู้เรียนและผู้สอนนั้นอยู่กันคนละที่คนละเวลา เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกิจกรรมบน Virtual Classroom ขอให้ท่านที่ยังไม่ได้ศึกษาเรื่อง กิจกรรมใน Web - Based Instruction  ขอให้กลับไปศึกษาเสียก่อน

                       การจัดกิจกรรมใน Web - Based Instruction จำเป็นต้องมีหลักการจัด ซึ่งผมขออนุญาตเสนอเป็น ThaiWBI Activity Model การจัดกิจกรรม  ดังภาพข้างล่าง โดยสามารถอธิบายดังนี้.....

Situation Classroom Number 1  เป็นการเริ่มต้นจัดกิจกรรมการเรียนการสอนณ.จุดเริ่มต้นของห้องเรียนที่เผชิญประสบการณ์การเรียนการสอนก่อนชั้นเรียนอื่นๆ เช่น ชั้น ม. 1 ภาคเรียนต้น ปีการศึกษา 2544 เรียนเรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต

Preparing Knowledge (เตรียมการรับความร)ู้ ผู้เรียนในชั้นม. 1 ภาคเรียนต้น ปีการศึกษา 2544 เริ่มรับ วัตถุประสงค์และกรอบประสบการณ์การเรียนรู้ จากครูผู้สอนหรืออาจเรียกอีกอย่างว่า"ผู้ควบคุมการเรียนรู้" เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต 

Seek Knowledge(แสวงหาความรู้)  เมื่อรับวัตถุประสงค์และกรอบประสบการณ์การเรียนรู้ จากครูผู้สอนแล้ว ผู้เรียนก็เริ่มแสวงหาความรู้จากเส้นทางความรู้ที่ครูวางเป็นไว้ให้เป็นแนวทาง เช่นสื่อและแหล่งความรู้ภายใน Website ตนเอง(Internal Knowledge) หรือสื่อและแหล่งความรู้จากภายนอก Website ของตนโดยแบ่งเป็น Link จาก  Website ต่างๆที่เกี่ยวข้อง (Relational Knowledge) หรือจาก Search Engine ตาม KeyWord ที่กำหนด เช่น ศึกษา เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต  ดังนี้ 

1.ศึกษาเรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิตจาก http://www.myknowledge.com
2.สืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตจาก http://www.yahoo.com

Discusion Knowledge(เสวนาความรู้) หลังจากที่เผชิญประสบการณ์และแสวงหาความรู้จาก Internal และ External Knowledge ข้างตนแล้ว ให้ผู้เรียนสนทนาเพื่อถกเถียงและหาข้อสรุปความรู้ที่ได้ดังนี้

1.ให้ผู้เรียนสนทนาตามเวลาที่กำหนดกับ ครูผู้สอน และ ผู้เรียนในชั้นเรียน  เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
2.
สนทนาสักถามความรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่ครูผู้สอนกำหนด  หรือ จากผู้ที่ต้องการร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์  เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต
3.หาขอสรุปของความรู้ที่ได้จากการสนทนาจากกลุ่มสนทนาทั้งหมด  เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต

Building Knowledge Based(หลักฐานความรู้) เมื่อได้ข้อสรุปของความรู้แล้วเราจำเป็นที่จะต้องทำการสร้างหลักฐานของความรู้เพื่อเป็น Knowledge Based  สำหรับผู้เรียนกลุ่มต่อๆมา โดยสามารถจัดได้ดังนี้

1.เมื่อสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้จาก Chatroom จนได้ขอสรุปของความรู้   เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต แล้วให้ผู้เรียนเขียนสรุปลงบน Webboard เช่น   เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต  มีกีประเภท
2.ให้ตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับข้อสรุปความรู้ที่ได้มาเพื่อให้เกิดข้อสนับสนุนหรือโต้แย้งความรู้ที่ได้มา เช่น   เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต เราอาจค้นพบว่ามีวิธีการที่มากกว่ากลุ่มเรียนกลุ่มแรกเช่นผสมพันธ์เทียมเป็นต้น
3.ให้ตอบคำถามของเพื่อนๆในกลุ่มเรียนเดียวกัน
4.ได้ขอสรุปรวบยอดแล้วให้
       4.1 เขียนลงสมุดการบ้าน Electronic
       4.2 หรือเขียนสรุปแล้วแนบ File ส่งมากับ E-mail ให้อาจารย์ผู้สอน
       4.3 หรือสร้างเป็น Homepage ขึ้นมา
       4.5 หรือจัดเป็นนิทรรศการ
       4.6 หรือเขียนเป็น Report
       4.7 หรือนำมารายงานหน้าชั้นเรียน
       4.8 หรือสร้างเป็นรายการ Video
       4.9 หรือแสดงเป็นละคร ณ วันเวลา หรือเทศการวานที่กำหนด
       4.10 ETC.....ที่ยืนยันได้ว่าได้รับประการณ์ความรู้ที่กำหนดไว้แล้ว

Situation Classroom Number 2 เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ต่อจากปีการศึกษาที่แล้วของ Situation Classroom Number 1เช่น ชั้น ม. 1 ภาคเรียนต้น ปีการศึกษา 2545 เรียนเรื่องวิชาการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต ซึ่งได้รับความรู้ที่เหมือนกัน  ขั้นตอนการจัดกิจกรรมจะเหมือนกับ Situation Classroom Number 1 ทุกอย่าง แต่แตกต่างกันตรงที่จะได้รับประสบการณ์ความรู้ที่สูงกว่า เช่น   Classroom Number 1 สรุปประสบการณ์ความรู้ เรื่องการสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต  มี  2. คือการร่วมเพศ และการผสมเทียม  แต่ใน Classroom Number 2 อาจค้นพบว่า การสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิต  มี  มากกว่า 2. วิธีคือ มีการ โครนนิ่ง ด้วย  เป็นต้น ดังภาพปิระมิดฐานความรู้ข้างล่างนี้

                         จะเห็นได้ว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนบนระบบเครือข่าย โดยใช้ Web-Based Instruction เป็นเครื่องมือนั้นมีเทคนิคไม่อยากเลย เพียงแต่รู้จักใช้ความสามารถการสื่อสารของ Web Technology ให้ครบวงจรตาม Model ที่ได้เสนอข้างต้น ก็สามารถจัดกิจกรรมบนระบบเครือข่ายหรืออาจเรียกว่า Virtual Classroom ได้ไม่อยากอย่างที่คิด


[กลับสู่หน้าหลัก]

สงวนลิขสิทธิ์ http://www.ThaiWBI.com โดย Aj Passkorn Roungrong : webmaster@Thaiwbi.com